วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 5 ประจำวันจันทร์ ที่ 23 ธันวาคม 2556

สิ่งที่ได้เรียนรู้

     อัตชีวประวัติ หมายถึง การเขียนประวัติด้วยตนเอง
     ชีวประวัติ หมายถึง การเขียนประวัติของบุคคลอื่น
     แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท 
๑. แบบจำลองลักษณ์
๒. แบบสดุดีหรือชืนชม
๓. แบบรอบวง

    การเขียนความเรียง มีย่อหน้าเดียวเท่านั้น
    การเขียนเรียงความ มี ๓ ย่อหน้า ประกอบด้วย
    ๑. ส่วนนำ (มี ๑ ย่อหน้า)
    ๒. เนื้อเรื่อง(มีมากกว่าหนึ่งย่อหน้าก็ได้)
    ๓. ส่วนสรุป (มีหนึ่งย่อหน้า)
    การเขียนเรียงความต้องคำนึงถึง ๓ สิ่่งต่อไปนี้
    ๑. ความเป็นเอกภาพ คือ ความเป็นหนึ่งเดียวของเนื้อเรื่อง
    ๒. ความเป็นสัมพันธภาพ คือ ความเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันในแต่ละย่อ
    ๓. ความเป็นสารัตถภาพ คือ สาระเนื้อหาที่เขียนในเรื่อง
   
    นอกจากนี้ยังมีการเขียนคำขวัญอีกด้วย มีารเล่นเกมขอเพื่อนๆสร้างบรรยายกาศในการนำเสนอ


     ความรู้ใหม่

     การกล่าวรายงาน คำว่า "กราบเรียน" สามารถใช้กับบุคคลได้ ๕ ตำแหน่ง คือ
๑. นายกรัฐมนตรี (ตามด้วยตำแหน่ง)
๒. ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร
๓. ประธานสมาชิกวุฒิสภา
๔. ประธานศาลฎีกา
๕. ประธานศาลรัฐธรรมนูญ

ข้อเสนอแนะ

    การรายงานของเพื่อนๆในแต่ละกลุ่ม บ้างครั้งจะอาจงงไม่เข้าใจในเนื้อหา ที่เพื่ออธิบาย
เพื่อนควรอธิบายหัวข้อของตนเองให้เข้าใจมากขึ้นกว่านี้


นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัสนักศึกษา 55113400165 ตอนเรียน D1

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อัตชีวประวัติของดิฉัน



     ถือเป็นการเขียนอัตชีวประวัติครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เขียนอัตชีวประวัติของตนเอง ขัาพเจ้าชื่อนางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี ชื่อเล่นว่า ทิพย์ เป็นพี่คนโตของครอบครัว น้องชายหนึ่งคน ภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดสงขลา
     ข้าพเจ้าถือกำเนิดในครอบครัวขอชาวสวน ที่บ้านของข้าพเจ้าทำสวนยางพารา ถึงชาวสวนยางพาราจะต้องตื่นมากรีดยางตั้งตีหนึ่ง ตีสอง  กว่าจะกรีดเสร็จ เก็บน้ำยางอีก ก็เช้าพอดี แต่พ่อกับแม่ของข้าพเจ้าก็มากลับมาทันไปส่งข้าพเจ้าที่โรงเรียนแต่เช้าทุกวัน แต่ก่อนไปโรงเรียนยายของข้าพเจ้าซึ่งภาษใต้เรียกว่า "แม่เฒ่า" จะตื่นมาหุงข้าว เสร็จแล้วก็มาเรียกข้าพเจ้ากับน้องไปอาบน้ำ และยายก็จะมาทำกับข้าวให้ทานทุกวัน ส่วนเมนูประจำที่ที่ยายทำให้ข้าพเจ้ากับน้องทานอยู่บ่อยๆคือไข่เจียวใส่น้ำตาลเวลาทอดเสร็จไข่เจียวจะออกไหม้หน่อยๆแต่ไม่มากแต่มันอร่อยดี ทำให้ข้าพเจ้ากับน้องชอบทานมาก แล้วตอนเย็นของทุกวันพ่อหรือไม่ก็แม่จะไปรับข้าพเจ้าที่โรงเรียนทุกวันและทุกตอนเย็นของวันศุกร์พ่อจะเป็นคนมารับข้าพเจ้าแล้วจะแวะส่งน้องที่บ้านแล้วเลยไปส่งข้าพเจ้าที่บ้านย่า แล้วก็จะมารับข้าพเจ้าอีกทีก็วันอาทิตย์ทุกๆสัปดาห์ ที่บ้านของย่าข้าพเจ้า มีย่า ปู่ และอาผู้หญิงอีกหนึ่งคนอาศัยอยู่ ยังมีหมาอีกสองตัวชื่อเจ้าแต้มกับเจ้าตาล เมื่อถึงบ้านย่าข้าพเจ้าก็จะวิ่งเข้าบ้านโดยมีเจ้าแต้มกับเจ้าตาลวิ่งมารับข้าพเจ้าแร้วก็วิ่งตามหลังข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าได้วิ่งเข้าบ้านมาแล้วก็สวัสดีทุกคนในบ้าน โดยย่าจะเป็นชอบพูดคนแรกกับข้าพเจ้าเสมอเมื่อไปถึง โดยมักจะบอกกับข้าพเจ้าไปล้างหน้าหน้าตาแล้วมากินขนมก่อนเสร็จแล้วไปทำการบ้านให้เสร็จซะ หลังจากข้าพเจ้าทำงานเสร็จย่าก็จะบอกข้าพเจ้าว่าไปอาบน้ำแล้วมารอกิน โดยตอนกลางคืนข้าพเจ้าจะชอบไปนอนกับอาแต่ย่าบอกว่าอาต้องตื่นไปกรีดยางโดยให้ข้าพเจ้าไปนอนแต่ต้องตื่นแล้วเดินมานอนกลับย่าตอนตีหนึ่งตีสองจะเอาไหม ข้าพเจ้าเป็นเด็กเลยยอมรับและไปนอนกลับอาอยู่บ่อยๆ แต่บ้างครั้งข้าพเจ้าก็ต้องกลับมานอนกลับย่า เพราะอาไม่อยู่ รุ่งเช้าข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วมานั่งดูการ์ตูนช่องเจ็ด โดยย่าจะชงโอวันติลให้ทานกับขนมอยู่เป็นประจำ เมื่ออากลับมาจากกรีดยาง อาก็จะซื้อพวกขนมกลับมาด้วยโดยทางก่อนกลับมาถึงบ้านมันจะมีตลาด อาเลยซื้อกลับมาทุกครั้งเพราะรู้ว่าข้าพเจ้าชอบ และเรียกข้าพเจ้ามากินขนม แล้วก็บอกกับข้าพเจ้าว่ากินเสร็จแร้วให้ไปช่วยอาซักผ้านะ เมื่อกินข้าพเจ้าก็จะไปช่วยอาซักผ้าที่ใต้ต้นมะม่วงมันร่มรื่นมากอยู่ใกล้กลับบ้านแถมยังยังมีบ่อน้ำอีกซึ่งเราเอาน้ำจากบ่อมาซักผ้า เมื่อข้าพเจ้าช่วยอาซักผ้าเสร็จก็จะไปอาน้ำ แต่บ้างครั้งก็อาบน้ำที่บ่อนั้นเลยเพราะขี้เกรียจวิ่งกลับมาอาบน้ำในห้องน้ำที่บ้าน พอข้าพเจ้าอาบน้ำเสร็จข้าพเจ้าก็จะกลับมาทำการบ้านที่ยังทำไม่เสร็จแร้วก็เอามันมาทำให้เสร็จโดยอาจะเป็นคนสอนข้าพเจ้าทำการบ้านทุกครั้ง เมื่อทำการบ้านเสร็จข้าพเจ้าก็จะเล่นของเล่นอยู่บนบ้านโดยมักจะเล่นพวกตุ๊กตา หรือไม่ก็พวกขายของโดยย่าบอกข้าพเจ้าว่าอย่าลงไปเล่นดินเล่นทรายข้างล่างนะเดียวจะคันขึ้นตุมแดงๆอีกนะ ข้าพเจ้าไม่เคยลงไม่เล่นข้างล่างเลยเพราะกลัวเป็นตุ่มแดงๆ พวกกลับแถวบ้านย่าของข้างเจ้าไม่ค่อยมีเด็กๆข้าพเจ้าเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเล่น ข้าพเจ้าเลยได้แต่นั่งเล่นคนเดียวอยู่เป็นปนะจำไม่เล่นกับหมา เจ้าแต้มเจ้าตาล เมื่อถึงวันอาทิตย์ พ่อของข้าพเจ้าก็จะมารับกลับบ้าน เป็อย่างนี้ทุกอาทิตย์ที่ข้าพเจ้าต้องมาอยู่บ้านย่าเพราะพ่อบอกว่า ให้ข้าพเจ้าอยู่กลับย่าส่วนน้องอยู่กลับยาย เพราะพ่อกลับแม่ต้องทำงาน
เมื่อข้าพเจ้าสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ข้าพเจ้าก็ได้ย้ายมาศึกษาต่อที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องด้วยจากเหตุการณ์ไม่สงบใต้สามจังหวัดชายแดนภายใต้ และได้ลุกลามมาถึงเขตจังหวัดสงขลาและทั้งๆที่ข้าพเจ้าได้สอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแล้ว แต่แม่ส่งข้าพเจ้าเรียนที่นครศรีธรรมราชตั้งแต่ ม.1- ม.6 
     และปัจจุบันข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ข้าพเจ้าคิดว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วข้าพเจ้าทำงานเป็นครูโดยคิดว่าจะทำงานสักสองเก็บเงินแล้วเรียนต่อระดับปริญญาโท และเมื่อจบปริญญาโทก็จะของทำงานอีกสักสองปีเก็บเงินอีกเพื่อที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาเอกเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอาแล้วข้าพเจ้าอยากเป็นอาจารย์สอนระดับมหาวิทยาลัยโดยฝันไว้ว่าอยากกลับมาสอนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวดุสิตอีกครั้งโดยอยากเป็นอาจารย์ในครุศาสตร์คะ 

นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัสนักศึกษา 55113400165 ตอนเรียน  D1



วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ ครั้งที่ 4 ประจำวันจันทร์ ที่ 16 ธันวาคา 2556

สิ่งที่ได้เรียนรู้
   
     การที่เพื่อนๆออกมานำเสนอการเขียน 3 รูปแบบ คือ การเขียนอัตชีวประวัติ การขียนบทวิจารณ์และการเขียนเพื่อเล่าเรื่อง ซึ่งได้ทำกิจกรรมทดลองเขียนบทวิจารณ์ตามภาพที่อาจารย์ได้กำหนดด้วย
และมีการเปลี่ยนบรรยายการเรียนการสอนให้เพื่อนออกมาสอนแทนอาจารย์ 

ความรู้ใหม่ที่รับ

    การเขียนอัตชีวประวัติ ได้ทราบว่ามีโครงสร้างในการเขียนอย่างไร และจุดประสงค์ของการเขียน
และประเภทของการเขียนอัตชีวประวัติ 
     การเขียนบทวิจารณ์ รู้ถึงจุดประสงค์ของการเขียน โครงสร้างรูปแบบในการเขียนบทวิจารณ์ 
     การเขียนเพื่อเล่าเรื่อง จุดประสงค์ในการเขียน วิธีการเขียนเล่าเรื่อง โครงในการเขียนเล่าเรื่อง

ข้อเสนอแนะ

     การนำเสนอของเพื่อนบ้างครั้งก็อยากให้มีเกมสนุกๆๆๆเยอะq เพราะจะทำให้เพื่อนที่นั่งฟังไม่เบื่อ
ชอบในการสอนแบบนี้้คะเพราะสนุกและได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ดีคะ และเป็นการฝึกอีกอย่างหนึ่งด้วยคะเพราะอนาคตพวกเราทุกคนต้องไปเป็นคุณครู เราก็จะได้รู้จักวิธีการสอนอย่างไรไม่ให้นักเรียนเบื่อหน่ายในการสอนของเราคะ  .....
     

นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัสนักศึกษา 55113400165  ตอนเรียน D1 




วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 3

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้


การเขียน คือ การถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความต้องการ ฯลฯ ของผู้ส่งสารออกไปเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อสื่อความหมายให้ผู้รับสารอ่าน ทำความเข้าใจ ตอบสนองได้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้ส่งสาร

ลักษณะของภาษาเขียน มี 3 ระดับ
คือ  - ภาษาปาก/ภาาพูด
     - ภาษากึ่งแบบแผน = กึ่งทางการ
     - ภาษาแผน = ทางราชการ = ราชการ
และยังมีลักษณะของภาษที่ต่ำกว่าภาษาปากด้วยคือ ภาษาตลาด
ส่วนภาษาที่สูงกว่าภาษาแผนคือ ภาษาพิธีการ

ยังมี ข้อแนะนำเรื่องการใช้คำ 
การใช้คำให้ตรงความหมาย,คำที่มีหลายความหมาย,คำที่มีความหมายคล้ายกัน
และยังมีการเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ลักษณนาม คำเชื่อม คำในสำนวน คำราชาศัพท์ การใช้คำที่ไม่เป็นแบบแผนมีคำแสลง 

ความรู้ใหม่ที่ได้รับ

สำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า"  มีที่มาจาก เรื่องมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร (แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิ)

คำราชาศัพท์
ทรงมี    
           + นามสามัญ
ทรงเป็น


มี
      + นามราชาศัพท์
เป็น

คำว่านิสิตกับนักศึกษา
นิสิต คือ ศิษย์ที่เล่าเรียนอยู่ในสำนัก ผู้อาศัย เป็นคำเรียกผู้เรียนในสถานศึกษาบางแห่ง
นักศึกษา คือ ผู้มีความรู้สอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเข้ารับการศึกษาในสถานบันอุดมศึกษา

ข้อเสนอแนะ

อาจารย์สอนสนุกมากคะ มีการสอนแบบรวบรัดเนื้อหาแต่อาจารย์ก็ยังคงเน้นเนื้อหาที่มีความสำคัญให้อยู่ ทำให้นักศึกษมีความเข้าใจเนื้อหามากคะ 




นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัสนักศึกษา 55113400165 ตอนเรียน D1 

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ ครั้งที่ 2

สิ่งที่ได้เรียนรู้

สรุป.. ภาษา คือ การวางเงื่อนไขในการสื่อสารของกลุ่มหรือสังคมนั้นๆ โดยเข้าใจร่วมกัน                    ว่าเงื่อนไขหรือรหัสที่กำหนดไว้หมายถึงอะไร ซึ่งใช้สื่อสารความคิด                        ความเข้าใจและความรู้สึกของผู้สื่อไปยังผู้รับโดยอาศัยเงื่อนไขกำหนไว้
- ประเภทของภาษา
- ลักษณะทั่วไปของภาษา (ที่ทุกภาษาในโลกต้องแบบนี้)
- ลักษณะเฉพาะของภาษาไทย
- ความสำคัญของภาษาไทย 
- การเปรียบการใช้ภาษาพูดและภาษาเขียน
-  ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน
ความรู้ใหม่ 
 - พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2554 (เป็นพจนานุกรมฉบับล่าสุด)
 - การสื่อสารด้วยจักษุสัมผัส หรือ การมองเห็น Visual Communication (เป็นประเภทหนึ่งของ    ภาษา ที่อยู่ในต่างประเทศแต่สำหรับประเทศไทยยังไม่มีระบุ)

ข้อเสนอแนะ

เมื่อเราเขียนภาษาเขียนก็ควรจะเขียนให้ถูกต้อง เพราะสมัยนี้มักจะใช้ภาษาพูดเป็นภาษาเขียน ดังนั้นเราจึงต้องใช้ถูกต้องและเหมาะสม  



 นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัส 55113400165 
*** หมายเหตุ มีการอัปเดต เพิ่มชื่อและรหัสนักศึกษาคะ เมื่อวันที่ 18/11/2013
      ซึ่งของเดิมแล้วโพสเมื่อวันที่ 11/11/2013 คะ ขอบคุณคะ

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สิ่งที่ได้เรียนรู้

รูปแบบ วิธี และเทคนิคการเรียนการสอน

- การเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended learning)
เป็นการผสมผสานระหว่างการเรียนรู้แบบผู้สอนนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่านเทคโนโลยี   (E-Learning)ผนวกกับการสอนแบบเผชิญหน้า (Fresh to Fresh)
 - การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative learning)
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือแบ่งผู้เรียนออกแบ่งกลุ่มย่อยๆ ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยกันแสดงความคิดเห็น มีการพึ่งพาอาศัยกัน การประเมินคะแนนก็คิดร่วมเป็นกลุ่ม
- การสอนแบบนิรนัย  (Deductive)
เป็นการที่ผู้สอนให้เนื้อหาและหลักการทั้งหมดและยกตัวอย่าง ให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นรูปแบบทั้งหมดและผู้เรียนสามารถสรุปหลักการได้
- ผังความคิด (Mind map)
 เป็นการที่ผู้สอนให้ผู้เรียนแสดงความคิดรวบยอดและการเชื่อมโยงของเนื้อหา สามารถสรุปหลักการของเนื้อหาทั้งหมดได้
- การระดมสมอง (Brainstorming)
เป็นการทำให้ผู้เรียนสร้างการเขียนเชิงสร้างสรรค์ได้
*** ทฤษฎีการเรียนรู้แบบคอนสตรักติวัสด์ (Constructivist learning theory)

ความรู้ใหม่

วิธีการสร้าง Blogger และวิธีการเขียนข้อความบนบน Blogger 




ข้อเสนอแนะ

การบันทึกความรู้ที่ได้จากเรียนลงหลังจากเรียนทำให้ผู้เรียนสามารถทบทวนความรู้ที่ได้จากการเรียนและเกิดความคิดรวบยอดสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีกด้วย และสามรถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่นได้อีกด้วย

นางสาวทิพย์สุคนธา น้อยสำลี รหัสนักศึกษา 55113400165 ตอนเรียน D1